วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

lastblog







* STORY

การเดินทางครั้งแรก เริ่มการเดินทางที่ เซาแธมทัน, อิงแลนด์ (Southampton, England) ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 ควบคุมโดยกัปตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิธ (Edward J. Smith) เพื่อเดินทางไปยังนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา ในการเดินทางครั้งนั้น มีผู้เดินทางรวมทั้งหมด 2217 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารชั้น 1, ผู้โดยสารชั้น 2, ผู้โดยสารชั้น 3 และลูกเรือ

วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ขณะเดินทางอยู่ทางใต้ของแกรนด์แบงค์ ของนิวฟันด์แลนด์ เวลา 23.39 น. เวรยามที่เสากระโดงแจ้งว่าได้พบภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าเรือ ลูกเรือจึงได้เลี้ยวลำเรือเพื่อหลบเลี่ยง แต่เนื่องจากใบจักรและหางเสือที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของเรือ ทำให้ผู้บังคับเรือซึ่งยังไม่ชินกับการบังคับเรือใหญ่ขนาดนี้ทำให้กะขนาดการ เลี้ยวผิด และชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง ที่ 41 องศา 46 ลิปดาเหนือ 50 องศา 14 ลิปดาตะวันตก เมื่อ23.40 น.

เรือได้ชนกับภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวาหัวเรือ ซึ่งเป็นจุดอ่อนทนรอยแตกได้ไม่อึดเท่าจุดอื่นๆ และห้องเครื่องส่วนหัว 5 ห้องเครื่องแรกก็เกิดรอยรั่ว แต่หัวเรือเป็นจุดอ่อนที่สุดในเรือที่สามารถรับรอยแตกต่อเนื่องจากหัวเรือ ได้เพียง 4 ห้อง วิศวกรผู้สร้างเรือบอกว่า น้ำจะท่วมห้องเครื่องทั้งห้าสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อท่วมมิดชั้นF เริ่มไหลขึ้นชั้นE น้ำจึงเข้าท่วมห้องเครื่องที่ 6 และท่วมไปทีละห้องๆ และจมในที่สุด ลูกเรือก็คิดว่าเรือคงจะจมเร็วมาก จึงปล่อยเรือบดออกทั้งๆที่ยังใส่คนไม่เต็มลำ

เวลา 02.20 น. ของวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 เรือทั้งลำจมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ผู้โดยสารและลูกเรือ 2217 ชีวิต รอดชีวิตเพียง 704 ชีวิต เสียชีวิตทั้งหมด 1513 ราย

เวลาประมาณ 04.20 น. เรือโดยสารขนาดใหญ่ชื่อ "อาร์เอ็มเอส คาร์พาเธีย" (RMS Carpathia) ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้รอดชีวิตบนเรือบดทั้งหมด และพาสู่นิวยอร์ก ในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1912 จากนั้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1985 ซากเรือไททานิคได้ถูกค้นพบอีกครั้ง


* MUSIC





 * MOVIE
http://fws.cc/zoneitzeed/index.php?topic=5687.0 

บทความสุดท้ายยยย :))

               บทความสุดท้ายของ
                                                  นางสาวศิริภัทร   จำปาศรี  ม.5/7  เลขที่12
                สำหรับบทความสุดท้ายในภาคเรียนที่ 1 นี้ดิฉันก็มีบทความมาฝากทุกๆคนเป็นบทความเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตจริงของดิฉันเองค่ะ
                                                      ความฝันที่ไม่ใช่แค่ฝัน
มนุษย์ทุกคนล้วนแต่เกิดมาต่างคนมีวามฝันและจินตนาการเป็นของตนเองที่ไม่เหมือนกัน แต่ละคนมีความฝันต่างกันไป ตามจินตนาการ สิ่งที่ทำให้เกิดความฝันของตัวเองนั้นอาจจะมีสาเหตุและปัจจัยมาจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง เช่น อาชีพที่ใกล้ชิด บทบาทที่เคยชินหรือการได้พบเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว จึงทำให้เกิดความฝันตามจินตนาการของแต่ละคนที่ได้สัมผัสบางคนอาจจะมีความฝันที่สวยหรู เช่น ฝันอยากเป็น แอร์โฮสเตส บางคนก็มีความฝันที่ธรรมดา เช่น อยากเป็นคุณครู ทหาร ตำรวจ ซึ่งอาชีพเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากจินตนาการในวัยเด็ก
เมื่อตอนวัยเด็กฉันฝันอยากจะเป็น คุณครู สาเหตุคงมาจาก การได้เห็นและใกล้ชิดบทบาทหน้าที่นี้มากที่สุด จึงทำให้มีจินตนาการและฝันอยากเป็น คุณครู สอนหนังสือเด็กๆในโรงเรียน และรักที่จะสอนหนังสือ แต่เมื่อร่างการมีการพัฒนาการเจริญเติบโตทำให้ความฝันของฉันเริ่มเปลี่ยนไปตามความคิดและสภาพแวดล้อมที่ได้สัมผัส เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวันรุ่นฉันก็ละทิ้งความฝันที่อยากจะเป็น คุณครู เพราะมีความฝันอย่างอื่นเข้ามาแทนที่ นั่นคือ นักพัฒนาชุมชน หรือองค์กรระหว่างประเทศ อาจจะดูโอเว่อร์ไปนิดนึง แต่อย่างน้อยมันก็คือความฝันที่ฉันอยากจะเป็น ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุมาจากที่ชุมชนของฉันเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี และฉันคิดว่าหลายๆที่ก็คงจะเป็นเช่นกันเพราะขาดการพัฒนาอย่างจริงจัง  ฉันได้เลือกเรียนต่อในแผนการเรียนภาษาอังกฤษ-คณิตศาสตร์ ในระดับมัธยมปลาย จึงทำให้ฉันสามารถเลือกเรียนใน คณะสังคมศาสตร์ได้ แต่เมื่อใครๆได้ยินความฝันของฉันแล้วต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวว่า ไม่มีทางซึ่งตัวฉันก็คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ฉันจะทำให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันอาจจะเป็นไปได้ยากที่ฉันจะไปถึงจุดๆหนึ่งของตำแหน่งหน้าที่  แต่เมื่อถึงเวลานั้นที่ฉันได้ไปถึงจุดๆนั้นแล้ว ฉันคิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจและพอใจแล้วสำหรับฉัน ถึงแม้วันนี้ความฝันของฉันนั้นยังไม่เป็นจริง แต่ฉันก็ไม่ละความพยายามที่จะให้ตัวเองไปให้ถึงจุดๆนั้นให้ได้  เพื่อสักวันจะสามารถทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง!!!!
                          
 *********** เป็นยังไงกันบ้างคะ ความฝันเว่อร์ไปมั๊ย555***********

                  
   ดิฉันก็มีกลอนเกี่ยวกับความฝันมาฝากทุกคนด้วยนะคะ มันก็ไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่แต่ก็ตั้งใจแต่งจริงๆนะ!!!!

ความฝันฉันเมื่อวัยเยาว์คือเป็นครู
ฉันมองดูพ่อแม่สอนสั่งให้
พ่อฉันถามลูกจ๋าเข้าใจไหม
ตอบทันใดอยากเป็นครูสอนทุกคน

เมื่อเจ็ดขวบฉันมีฝันอยากท่องเที่ยว
อยากผอมเพียวจะได้เป็นดั่งฝัน
อยากเป็นแอร์บริการงานสัมพันธ์
แต่ความฝันย่อมเป็นฝันอยู่อย่างดี

พอสิบเจ็ดเข็ดแล้วฝันสลาย
เลิกงมงายเริ่มใหม่ฝันของฉัน
ฝันสุดท้ายนักพัฒนาชุมชนมั่น
จักสร้างสรรค์ชุมชนนั้นให้ได้ดี
การมีฝัน บรรลุฝันจริงแท้แน่
อย่ายอมแพ้ปล่อยลอยฝันให้หลุดหนี
แม้พลาดฝันยังมีวันทีแสนดี
                                          ทำตามที่ใจเรานั้นต้องการ...





















                                                          
                          หนึ่งในบารมี 10 ทัศ  หากเราได้นำมาใช้ในชีวิตของเรา
                         ก็จะทำให้เราเป็นอีกหนึ่งคน.....ในจำนวนคนอีกหลายร้อยคน
                         ที่จะประสบความสำเร็จ เพราะสัจจะบารมี คือ...การตั้งสัจอธิษฐาน
                         มีความจริงจัง จริงใจ ไม่ว่าเราจะทำ...จะพูด...จะคิด สิ่งใด
                         เราก็จะทำจริง พูดจริง...ความคิด...ความฝันของเราก็จะกลายเป็นจริง

บทความสุดท้ายยยยยย ^__^

บทความสุดท้าย
ของ นางสาวปิยธิดา  โตสงค์  ม.5/7  เลขที่ 19

          สวัสดีค่ะทุกคน นี่ก็เป็นบทความสุดท้ายของภาคเรียนที่ 1 แล้ว ก็อยากจะให้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่อง "การให้" ไว้ซะหน่อยนึง เผื่อใครที่ได้อ่าน อาจเปลี่ยนความคิดไปไม่มากก็น้อย....

.........การให้.........

          "การให้" คำนี้มีความหมายมากมายเต็มไปหมด นั่นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะนิยามความหมายของการให้ว่าอย่างไร แต่สำหรับดิฉันแล้ว การให้ ก็คือ เหตุที่ทำให้ทั้งผู้รับ และผู้ให้ มีความสุข การให้ เป็นการดำรงชีวิตในระดับสูงสุด และดิฉันเชื่อว่า "ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของชนทั้งหลาย"
          การให้ทานที่ถูกต้อง หรือการให้ทานด้วยความบริสุทธิ์ใจ คือ การให้ทานโดยไม่หวังผลใดๆ สิ่งที่เราให้ออกไปคือสิ่งที่เราได้กลับมา ถ้าคุณให้สิ่งที่ดี คุณก็จะได้รับสิ่งที่ดีกลับคืนมา ยิ่งคุณให้มาก คุณก็ยิ่งได้รับมากหรือได้กลับคืนมาเป็นสิบเท่า การให้ทานแก่ผู้อื่นควรทำแบบ ปิดทองหลังพระ นั่นก็คือ เมื่อเราให้โดยไม่หวังผล
ใดๆเลย เราจะรู้สึกปลอดโปร่งและมีความสบายใจ เราจะไม่มัวมากังวลและยึดติดว่า    เราได้ให้ไปแล้ว อย่างไรก็ตามฉันต้องได้กลับคืน หากมัวแต่คิดแบบนี้ การให้ของเราก็คงไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเป็นสุขเลย  

          ุกคนสงสัยไหมคะ ว่าทำไมในภาษาอังกฤษ "การให้" ถึงใช้คำว่า "GIVE" เราพอจะสรุปลักษณะของ "การให้" (GIVE) ที่ก่อให้เกิดสุข ได้ดังนี้
          G คือ Gladly (ให้ด้วยใจยินดี)
          I  คือ Impartially (ให้อย่างไม่ลำเอียง)
          V คือ Voluntarily (ให้ด้วยความสมัครใจ)
          E คือ Expecting Nothing Back (ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน)
          หากคุณให้ด้วยลักษณะเช่นนี้ จงรู้ได้เลยว่าเป็นการให้ที่ "มีคุณค่า" อย่างมากที่สุด
แล้วคุณเชื่อหรือไม่ว่า "การให้ มีความสุขยิ่งกว่าการรับ" ดิฉันเชื่ออย่างนั้นค่ะ
          หลายๆคนมักจะคิดว่า การได้รับนั้น เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะไม่ต้องเสียทรัพย์สินเงินทองอะไร ก็สามารถได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว หารู้ไม่ว่า ผู้ที่รับนั้น ก็คือผู้ที่ไม่มี แต่ผู้ที่ให้นั้น คือผู้ที่มีพร้อม เขาจึงเลือกที่จะให้ได้ ฉะนั้น "การให้ จึงมีความสุขยิ่งกว่ากว่าการรับ"
         



          ถ้าหากมีใครยังสงสัยว่าการให้มันคืออะไรกัน แล้วมันจะทำให้เรามีความสุขจริงหรือไม่ ลองดูคลิปวีดีโอต่อไปนี้กันค่ะ



ทุกคนจงจำไว้นะคะ "การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้ต่อไปไม่รู้จบ"

          คลิปวีดีโอข้างต้นนั้น แม้จะเป็นเพียงวีดีโอสั้นๆ แต่เมื่อดูแล้ว ก็ทำให้ได้คิดอะไรหลายๆอย่าง แต่หากยังคิดไม่ได้ หรืออยากจะรู้เกี่ยวกับ การให้มากขึ้น ลองฟังคลิปเสียงต่อไปนี้ดีกว่าค่ะ
          คลิปเสียงต่อไปนี้ เป็นคลิปเสียงจากพระไพศาล วิสาโล ท่านได้เทศน์เรื่อง ชีวิตสมดุลได้ด้วยการให้ ฟังแล้วรู้สึกดีมากๆค่ะ ดิฉันจึงอยากให้ทุกคนได้ฟังเช่นกัน




          สุดท้ายนี้ อยากฝากให้ทุกคน จงหมั่นให้ทานหรือสื่งที่มีค่าแก่ผู้ที่รู้จักคุณค่าหรือผู้ที่สมควรได้รับ เพื่อประโยชน์สุขแก่ตัวท่านเอง และแก่ผู้อื่นด้วย...

          ขอให้อานิสงค์ผลบุญ จากการให้ของท่าน นำพาให้ชีวิตของท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญสืบไป...

*************************************************
 

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

บทความสุดท้ายยยยยยยยยยยย*

 บทความสุดท้ายของ
น.ส. สิริโสภา     นาคศรี
ชั้น ม.5/7  เลขที่ 42
                   "เหนื่อยนักก็พักก่อน"
     น่าตกใจที่หลายคนทำงานจนลืมพักผ่อน บ้างก็หองานกลับไปทำต่อที่บ้าน บ้างก็เหนื่อแทบตายแต่ก็ไม่กล้าที่จะขอลาสัก 1 วัน
และน่าสงสารที่สุดก็คือการที่เขาไม่ยอมพักบ้างเลยก็เป็นเพราะเขาคิดว่าการเป็นพนักงานที่ดีเด่นหรือพนักงานตัวอย่างได้
 ก็คือคนที่ไม่สาย ไม่ลา และไม่หยุดงานแม้สักวัน ทั้งๆ ที่ความเหนื่อยและความเครียดก็ก่อตัวมากขึ้นทุกที
   การลางานสักวันหรือลาในช่วงพักร้อนเป็นสิทธฺ์ที่คุณสมควรใช้อยู่แล้ว อย่าได้ใส่ใจกับคำพูดของเพื่อนร่วมงานที่ว่า
เธอจะต้องทำงานแทนคุณ  คุณทิ้งภาระให้เธอ  หรือพื่อนร่วมงานที่อวดว่าเธอไม่ยอมหยุดเลยเพราะรักบริษัทสุดๆ
    การตัดสินใจขึ้นอยู่กับคุณทุกอย่าง มื่อใครก็ตามเหนื่อยเต็มที่
เขาก็มีทางเลือกว่าเค้าจะหยุดสักนิดหรือจะไปต่อ แต่การหยุดสักนิดอาจจะดีกว่าเพราะคุณจะได้พักอีกสักหน่อยเพื่อเอาแรง
และพร้อมกับการก้าวต่อไปที่ง่ายกว่าแล้วถ้าคุณย้อนคิดดูครั้งสุดท้ายที่คุณได้ฟังเสียงคลื่นลม หรือชมดวงอาทิตย์ตก
ในสถานที่สวยงามและสงบสุขนั้น.....มันนานแค่ไหนแล้วเชียว  

 การพักผ่อน การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด ร่างกายจะได้ผ่อนคลายหลังจากทำกิจกรรมต่าง ๆ  มาตลอดทั้งวัน
 สมองและหัวใจจะทำงานน้อยลงในขณะที่เรานอนหลับ  ถ้าวัยรุ่นพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายอ่อนล้า
ม่มีสมาธิในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ   วัยรุ่นควรได้นอนหลับวันละประมาณ 8 – 10 ชั่วโมง  เป็นเวลาติดต่อกันในช่วงกลางคืน 
ซึ่งมีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้
1. นอนในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่มีเสียงดังรบกวนการนอน
2. ก่อนเข้านอนไม่ควรออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือดูโทรทัศน์ที่มีเรื่องราวตื่นเต้น  เพราะจะไปกระตุ้นสมองให้ตื่นเต้น และนอนไม่หลับได้
3. การดื่มนมอุ่น ๆ 1 แก้ว ก่อนเข้านอนจะช่วยให้นอนหลับ
ได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ควรดื่มน้ำชา  กาแฟ โกโก้ตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงก่อนนอน  และไม่ควรดื่มน้ำอัดลมประเภทน้ำดื่มก่อนนอน 
เพราะในเครื่องดื่มเหล่านี้จะมีสารคาเฟอินที่จะไปกระตุ้นประสาททำให้นอนหลับได้ยาก


*******************************************

 

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อาเซียน *

กัมพูชา





ชื่อทางการ : ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia)
ที่ตั้ง : กัมพูชาตั้งอยูกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต มีพรมแดนทิศเหนือติดกับประเทศไทย (จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร และบุรีรัมย) และลาว (แขวง อัตตะปอและจำปาสัก) ทิศตะวันออกติดเวียดนาม (จังหวัดกอนทูม เปลกู ซาลาย ดั๊กลั๊ก สองแบ เตยนิน ลองอาน ดงทาบ อันซาง และเกียงซาง) ทิศตะวันตกติดประเทศไทย (จังหวัดสระแกว จันทบุรี และตราด) และทิศใตติดอาวไทย
พื้นที่ : ขนาดกวาง 500 กิโลเมตร ยาว 450 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 181,035 ตารางกิโลเมตร    หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทย เสนเขตแดนโดยรอบประเทศยาวประมาณ 2,000 กิโลเมตร โดยมีเสนเขตแดนติดตอกับประเทศไทยยาว 798 กิโลเมตร
เมืองหลวง : กรุงพนมเปญ (Phnom Penh)
ประชากร : 14.1 ลานคน (ป 2548)  ประกอบดวย  ชาวเขมรรอยละ 94  ชาวจีนรอยละ 4  และอื่น ๆ อีกรอยละ 2
มีอัตราการเพิ่มของประชากรเฉลี่ยรอยละ 2 ตอป
ภูมิอากาศ : รอนชื้น มีฤดูฝนยาวนาน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 20 – 36 องศาเซลเซียส
ภาษา : ภาษาเขมรเปนภาษาราชการ สวนภาษาที่ใชโดยทั่วไป ไดแก อังกฤษ ฝรั่งเศส เวียดนาม จีน และไทย
ศาสนา : ศาสนาประจำชาติ คือ ศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท (แยกเปน 2 นิกายยอย คือ ธรรมยุตินิกายและมหานิกาย)
และศาสนาอื่นๆ อาทิ ศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต
สกุลเงิน : เงินเรียล (Riel : KHR)
อัตราแลกเปลี่ยน 4,000 เรียลเทากับ 1 ดอลลารสหรัฐ หรือประมาณ 100 เรียล เทากับ 1 บาท
ระบอบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริยเปนประมุขภายใตรัฐธรรมนูญ
* พระมหากษัตริย คือ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี (His Majesty Preah Bat Samdech Preah Boromneath Norodom Sihamoni)  เสด็จขึ้นครองราชยเมื่อ
วันที่ 14 ตุลาคม 2547
* นายกรัฐมนตรี คือ สมเด็จฮุน เซน (Samdech Hun Sen)




              ****************************************



                           สิงคโปร์




สาธารณรัฐสิงคโปร์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศมาเลเซีย
มีพื้นที่ เป็นเกาะใหญ่ พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 640 ตารางกิโลเมตร และมีเกาะเล็กอีกประมาณ 60 เกาะ โดยมีเกาะ Palau Tekong, Pulau Ubin Sentosa, Pulau Bukum, Pulau Merlimau และ Pulau Ayer Chawan เป็นเกาะที่มี ความสำคัญทางเศรษฐกิจของ ประเทศสิงคโปร์

เรียนซัมเมอร์

 
ประเทศสิงคโปร์ ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยประชากรที่เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ดังนั้นทุกฝ่ายจึงให้ความสำคัญและ สนับสนุนเรื่องการศึกษากันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบการศึกษาที่สร้างสรรค์และมีคุณภาพ บรรยากาศทางการศึกษาที่ทำให้ ผู้เรียนสามารถแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดได้อย่างอิสระและเปิดกว้าง

นอกจากนี้ประเทศนี้เป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาคเอเชีย โดยมีการนำเสนอความโดดเด่นที่หลากหลายของการศึกษาไว้ด้วยกัน ทั้งในด้านความเจริญของเมือง ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย ประกอบกับหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานที่ดีเยี่ยม เข้มข้นมากตามมาตรฐานสากล สามารถช่วยส่งเสริมผู้เรียนให้มีความรู้ที่ทันโลกและก้าวไกลสู่อนาคตที่สดใสได้
ไม่เพียงแต่ความโดดเด่นทางด้านการศึกษาเท่านั้น ประเทศสิงคโปร์ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเกินไป ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีกมากมาย ที่ประเทศสิงคโปร์ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับได้ และมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำอีกด้วย
นอกจากนี้ประเทศสิงคโปร์ยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยการผสมผสานความเป็นชาวเอเชียอย่างลงตัวและ คุณภาพชีวิตที่ดีด้วย เนื่องจากประชากรมีหลากหลายเชื้อชาติ เช่น จีน มาเลย์ อินเดีย และลูกครึ่งระหว่างชาวเอเชียและชาวยุโรปมาอยู่รวมกันอย่างสงบและ ไม่มีปัญหาขัดแย้ง เรื่องชนชาติระหว่างกัน ทั้งยังดำรงวิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมของตนไว้อย่างเคร่งครัด สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น

ในการมาศึกษาต่อที่ประเทศสิงคโปร์นั้น ก็คือ ที่ตั้งที่อุ่นใจ ใกล้บ้าน เพราะอยู่ใจกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถเชื่อมต่อกับทุกประเทศ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทั้งนี้ยังมีสายการบินตรงสู่กรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต และใช้ระยะเวลาในการเดินทางเพียง 2- 3 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมจึงควรมาศึกษาที่ประเทศสิงคโปร์ เพราะที่นี่คุณจะได้เรียนรู้และใช่ชีวิตอย่างคุ้มค่า พร้อมกับความสนุกสนาน

ประชากรของ สิงคโปร์

ประชากร สิงคโปร์ อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 4.21 ล้านคน เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นสุดในภูมิภาค และเป็นประเทศ เล็กที่สุดในภูมิภาค ประชากรนั้นประกอบไปด้วยชาวจีน (76.5%) ชาวมาเลย์ (13.8%) ชาวอินเดีย (8.1%) และอื่น ๆ (1.6%) เป็นเชื้อสายผสมระหว่างยุโรปกับเอเชีย และเชื้อสายอื่น ๆ ซึ่งอยู่ด้วยกันโดยไม่มีปัญหาความขัดแย้งด้านเชื้อชาติ ประชากร ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ และฮินดู


สภาพภูมิอากาศสิงคโปร์

ลักษณะภูมิอากาศของสิงคโปร์ คล้ายกับประเทศไทย คือ เป็นแบบร้อนชื้น ฝนตกชุกตลอดปีเนื่องจากอิทธิพลทาง ทะเล และ ที่ตั้งของประเทศ


ภาษาของ สิงคโปร์

ภาษา สิงคโปร์มีภาษาราชการถึง 4 ภาษาคือ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษามาเลย์ และทมิฬ โดยมีภาษามาเลย์เป็น ภาษาประจำชาติ และภาษาอังกฤษที่ใช้ในวงการธุรกิจ และการศึกษา ส่วนภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) เป็นภาษาที่มีการใช้ในการสื่อสารทาง สังคมมากที่สุด เนื่องจากประชากรประกอบด้วยคนเชื้อชาติจีนประมาณ 70 %


เวลา ของ สิงคโปร์

เวลาของสิงคโปร์เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง (GMT +8.00)


ระบบไฟฟ้า ของ สิงคโปร์

สำหรับกระแสไฟทางสิงคโปร์ใช้เหมือนบ้านเราคือ 220 โวลต์ แต่ความแตกต่างนั้นคือ สิงคโปร์ใช้เต้าเสียบแบบ 3 ขา ( บ้านเราใช้ 2 ขา) ฉะนั้นอย่าลืมว่า น้องๆ ต้องนำปลั๊กต่อไปด้วย


สกุลเงินตรา ของ สิงคโปร์

หน่วยเงินตราของสิงคโปร์คือ ดอลลาร์ (Singapore Dollar) โดยแบ่งค่าเงินต่าง ๆ ออกเป็นดังนี้
  1. ธนบัตรมูลค่า S$2, S$5, S$10, S$20, S$50, S$100, S$500, S$1,000 และ S$10,000
  2. เงินเหรียญมีตั้งแต่ 1, 5, 10, 20 เหรียญ และ 50 เซนต

กฎหมายของ สิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขานในเรื่องความปลอดภัย ความสะอาด ประชากรมีมาตรฐาน ความเป็นอยู่ ที่สูง เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีกฎหมายลงโทษร้ายแรง คือ การประหารชีวิต หรือโทษจำคุกระยะยาว เช่น ที่สิงคโปร์นั้น ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนปรับถึง S$1,000 การทิ้งเศษขยะลงพื้น ฝ่าฝืนครั้งแรกถูกปรับ S$1,000 ครั้งต่อไป S$2,000 และ ต้องทำความสะอาดในที่ สาธารณะด้วย กฎหมายนี้รวมถึงการห้ามถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ และ ห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งด้วย ดังนั้น ไม่ควรนำหมากฝรั่งไปที่สิงคโปร์ การเสพหรือจำหน่ายยาเสพติด ในประเทศสิงคโปร์นั้น มีความผิดขั้นร้ายแรงถึงประหารชีวิต


แหล่งท่องเที่ยวของ สิงคโปร์

สิงคโปร์มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเช่น การ Shopping ทีเป็นความฝันของใครหลายๆ คน ที่มาเยือน สิงคโปร์ ย่าน ศูนย์กลาง การชอปปิ้งของ ประเทศสิงคโปร์ คือ ถนน ออชาร์ด “Orchard Road” มีแหล่ง Shopping ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีสินค้ให้คุณ จับจ่าย สินค้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้สิงคโปร์เป็นสถานที่ที่น่าประทับใจ และจะไม่มีวันลืม และนอกจากนั้นยังมีสถานที่ต่างๆที่น่าสนใจ อาทิเช่น “Singapore Zoological Gardens” เป็นสวนสัตว์มาตรฐานระดับโลก ซิ้งถูกสร้างและ ปรับปรุงให้กลมกลืนใกล้เคียงกับ ธรรมชาติมากที่สุด “Night Safari” เป็นสวนสัตว์เปิดที่บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ทุ่มครึ่งไปจนถึงเที่ยงคืน คุณจะเพลิดเพลิน กับชีวิตสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิดกับการนั่งรถราง ชมสัตว์ ที่ออกหากินยามค่ำคืน มากกว่า 100 ชนิด“Sentosa Island” เกาะเซนโตซ่า เป็นสถานท่องเที่ยวที่สร้างความสนุกสนานและความประทับใจ ให้กับทุกเพศทุกวัย โดยการเดินทางไปเกาะเซนโตซ่านั้นมีด้วยกัน 3 วิธี คือทางเรือเฟอร์รี่ รถยนต์ และกระเช้าลอยฟ้า “Singapore Botanic Garden” เป็นสวนพฤกษชาติที่มีพันธุ์พืชหลากหลายชนิดและ พืชที่หาดูได้ยาก โดยเฉพาะสวนเพาะกล้วยไม้ ที่มีกล้วยไม้ถึง 20,000 ต้นและเหตุนี้เองจึงเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว

    


**********************************************************************************************************************

                                                น.ส.วิภาดา      รูปสูง  ม.5/7   เลขที่ 12

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สานฝัน.....สู่ประชาคมอาเซียน


สานฝัน...............สู่ประชาคมอาเซียน


****************************************************************************

ประเทศบรูไน  ดารุสซาลาม


ชื่อทางการ : เนการา บรูไน ดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam แปลว่า ดินแดนแห่งความสงบสุข)
ที่ตั้ง : ทางตะวันตกเฉียงเหนือขอเกาะเบอร์เนียว
           แบ่งเป็นสี่เขต คือ เขต Brunei-Muara  เขต Belait  เขต Temburong  และเขต Tutong
พื้นที่ : 5,765 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ร้อยละ 70 เป็นป่าไม้เขตร้อน
เมืองหลวง : บันดาร์ เสรี เบกาวัน (Bandar Seri Begawan)
ประชากร 370,00 คน (2548) ประกอบด้วย มาเลยเซีย(66%) จีน (11%) และอื่น ๆ (23)%
ภูมิอากาศ อากาศโดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกค่อนข้างมาก อุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส
ภาษา ภาษามาเลยเซีย (Malay ) เป็นภาษาราชการ  รองลงมาเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน
ศาสนา ศาสนาประจำชาติ คือ ศาสนาอิสลาม (67%)
               ศาสนาอื่น ๆ ได้แก่ ศาสนาพุทธ (13%) ศาสนาคริสต์ (10%) และฮินดู
สกุลเงิน : ดอลลารุซบรูไน (Brunei Dollar)
อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ (ซื้อ) 22.9 บาท/ 1 ดอลลารุซบรูไน (ขาย) 23.5 บาท/ 1 ดอลลารุซบรูไน  (มกราคม 2552)
(ค่าเงินบรูไนมีความมั่นคงและใช้อัตราแลกเปลี่ยนเดียวกับเงินสิงคโปร์ และสามารถใช้เงินสงคโปร์ในบรูไนได้ทั่วไป)
ระบอบการปกครอง : สมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์(His Majesty Sultan Haji Hassanal Bolkiah Mu’izzaddin Waddaulah) ทรงเป็นองค์พระประมุขของประเทศตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2510
* รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 1 มกราคม 2527 กำหนดให้สมเด็จพระราชาธิบดีทรงเป็นอธิปตย คือ เป็นทั้งประมุขและนายกรัฐมนตรี
* สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ปัจจุบันยังทรงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วย
* ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นชาวบรูไนฯ เชื้อสายมาเลยเซียโดยกำเนิด และจะต้องนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่

เพลงประจำชาตประเทศบรูไน



*******************************************************************************

ประเทศอินโดนีเซีย



ชื่อทางการ : สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)
ที่ตั้ง : อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยตั้งอยู่บนเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างทวีปเอเชียกับออสเตรเลีย ทำให้อินโดนีเซียสามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อระหว่างมหาสมุทรทั้งสอง ผ่านช่องแคบที่สำคัญต่างๆ เช่น ช่องแคบมะละกา ช่องแคบซุนดา และช่องแคบล็อมบอก ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางมายังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก
พื้นที่ : 1,890,754 ตารางกิโลเมตร  เป็นประเทศหมู่เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อย
กว่า 17,508 เกาะ รวมอยู่ในพื้นที่ 4 ส่วน คือ
- หมู่เกาะซุนดาใหญ่ประกอบด้วย เกาะชวา สุมาตรา บอร์เนียว และสุลาเวสี
- หมู่เกาะซุนดาน้อย ประกอบด้วยเกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะชวา มีเกาะบาหลี ลอมบอก ซุมบาวา ซุมบา ฟอลเรส และติมอร์
- หมู่เกาะมาลุกุ หรือ หมู่เกาะเครื่องเทศ ตั้งอยู่ระหว่างสุลาเวสี กับอิเรียนจายาบนเกาะ นิวกีนี
- อีเรียนจายา อยู่ทางทิศตะวันตกของปาปัวนิวกินี
เมืองหลวง : จาการ์ตา (Jakarta)
ประชากร : ประมาณ 220 ล้านคน ประกอบด้วย ชนพื้นเมืองหลากหลายกลุ่ม ซึ่งพูดภาษาต่างกันกว่า 583 ภาษา
     ร้อยละ 61 อาศัยอยู่บนเกาะชวา
ภูมิอากาศ : มีอากาศร้อนชื้นแบบศูนย์สูตร ประกอบด้วย 2 ฤดู คือ ฤดูแล้ง (พฤษภาคม-ตุลาคม) และ
                   ฤดูฝน (พฤศจิกายน-เมษายน)
ภาษา : ภาษาราชการและภาษาประจำชาติ ได้แก่ ภาษาอินโดนีเซีย หรือ Bahasa Indonesia
ศาสนา : ชาวอินโดนีเซียร้อยละ 87 นับถือศาสนาอิสลาม  ร้อยละ 6 นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์
              ร้อยละ 3.5 นับถือศาสนาคริสต์นิกายแคทอลิก  ร้อยละ 1.8 นับถือศาสนาฮินดู  และร้อยละ 1.3 นับถือ
ศาสนาพุทธ
สกุลเงิน : รูเปียห์ (Rupiah : IDR)
                อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ (ซื้อ) 2.87 บาท / 1,000 รูเปียห์  (ขาย) 3.32 บาท / 1,000 รูเปียห์ (มกราคม 2552)
ระบอบการปกครอง : ประชาธิปไตย ที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข และหัวหน้าฝ่ายบริหาร
 * ประธานาธิบดี คือ ดร.ซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน (Susilo Bambang Yudhoyono)
(ตุลาคม 2547)


 เพลงประจำชาติของอินโดนีเซีย



********************************************************************************

ประเทศมาเลเซีย


ชื่อทางการ : มาเลเซีย (Malaysia)
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร  ประกอบด้วยดินแดนสองส่วน  โดยมีทะเลจีนใต้กั้น
- ส่วนแรก คือ มาเลเซียตะวันตก  ตั้งอยู่บนคาบสมุทรมลายู  มีพรมแดนทิศเหนือติดประเทศไทย และทิศใต้ติดกับสิงคโปร์  ประกอบด้วย 11 รัฐ  คือ  ปะหัง สลังงอร์ เนกรีเซมบิลัน มะละกา ยะโฮร์  เประ กลันตัน ตรังกานู ปะนัง   เกดะหะ และปะลิส
- ส่วนที่สอง คือ มาเลเซียตะวันออก ตั้งอยู่ทางเหนือของเกาะบอร์เนียว (กาลิมันตัน)  มีพรมแดนทิศใต้ติดอินโดนีเซีย และมีพรมแดนล์อมรอบประเทศบรูไน  ประกอบด้วย 2 รัฐ คือ ซาบาห์ และซาราวัก
- นอกจากนี้ยังมีเขตการปกครองภายใต้สหพันธรัฐอีก 3 เขต  คือ  กรุงกัวลาลัมเปอร์ (เมืองหลวง)       เมืองปุตราจายา (เมืองราชการ) และเกาะลาบวน
พื้นที่ 330,257 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง : กรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur)
ประชากร : 26.24 ล้านคน (ปี 2549)  ประกอบด้วย  ชาวมาเลยเซียกว่า 40%  ที่เหลืออีกกว่า 33% เป็นชาวจีน
     อีก 10% เป็นชาวอินเดีย  อีก 10% เป็นชนพื้นเมืองบนเกาะบอร์เนียว  อีก 5% เป็นชาวไทย
และอื่นๆอีก 2%
ภูมิอากาศ : ร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส
ภาษา : มาเลยเซีย (Bahasa Malaysia เป็นภาษาราชการ) อังกฤษ จีน ทมิฬ
ศาสนา : อิสลาม (ศาสนาประจำชาติ ร้อยละ 60.4)  พุทธ (ร้อยละ 19.2)  คริสต์ (ร้อยละ 11.6)  ฮินดู (ร้อยละ 6.3)
      อื่น ๆ (ร้อยละ 2.5)
สกุลเงิน : ริงกิตมาเลเซีย (Malaysian Ringgit : MYR)
อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ (ซื้อ) 9.25 บาท/ 1 ริงกิต  (ขาย) 10 บาท/1 ริงกิต (มกราคม 2552)
ระบอบการปกครอง : ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา (Parliamentary Democracy)
   * ประมุข คือ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต้าน ไมซาน ไซนัล อะบีดิน (พระนามเต็ม: อัล วาติกูรบิลลาห์ ตวนกู มิซาน ไซนัล อาบิดีน อิบนี อัลมาร์ฮุม สุลต้าน มาหะมัด อัล มัคตาฟ์ บิลลาห์ ชาหะ ภาษาอังกฤษ : DYMM Al-Wathiqu Billah Tuanku Mizan Zainal Abidin Ibni Al-Marhum Sultan Mahmud Al-Muktafi Billah Shah)  จากรัฐตรังกานู  ทรงเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 13 ของมาเลเซีย  (ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2549)
* นายกรัฐมนตรี คือ นาจิบ ราซัค
เพลงประจำชาติประเทศมาเลเซีย



****************************************************************************


นางสาวสิริโสภา    นาคศรี  ม.5/7   เลขที่ 42

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สานฝัน...สู่ประชาคมอาเซียน!!! :)

        

 

ประเทศเวียดนาม  

โฮจิมินห์ซิตี


 

 

 

-          เวียดนามมีชื่ออย่างเป็นทางการคือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม              

-           เมืองหลวง : ฮานอย

เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีนมีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ ทางทิศตะวันออกและใต้ หรือในภาษาเวียดนามเรียกเฉพาะทะเลทางทิศตะวันออกว่า ทะเลตะวันออก


 จำนวนประชากร เวียดนามมีประชากรมากกว่า 89 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 13 ของโลก


- เทศกาล

   เทศกาลเต็ด เป็นเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุด มีชื่อเต็มว่า "เต็ดเหวียนดาน" หมายความว่า เทศกาลแห่งรุ่งอรุณแรกของปี มีขึ้นระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นการเฉลิมฉลองความเชื่อในเทพเจ้า ลัทธิเต๋า ขงจื่อ และศาสนาพุทธ และเป็นการเคารพบรรพบุรุษ

   เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง  ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ชาวบ้านประกวดทำขนมเปี๊ยะโก๋ญวน (บันตรังทู) พร้อมทั้งจัดขบวนแห่เชิดมังกร เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อดวงจันทร์



-การคมนาคม

    เวียดนามมีท่าอากาศยานขนาดใหญ่ 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานโหน่ยบ่าย (Noi Bai) ในกรุงฮานอย, ท่าอากาศยานเตินเซินเญิ้ต (Tan Son Nhat) ในนครโฮจิมินห์, โครงการท่าอากาศยานลองถั่ญ (Long Thanh) ในจังหวัดด่งนาย, ท่าอากาศยานจูลาย (Chu Lai) ในจังหวัดกว๋างนาม และท่าอากาศยานดานัง (Danang) ในนครดานัง



-ศาสนา
เวียดนามไม่มีศาสนาประจำชาติ โดยรัฐธรรมนูญให้อิสระในการเลือกนับถือศาสนา โดยปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาคริสต์ ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ และที่เหนือนับถือศาสนาอื่นๆ อีก 3 เปอร์เซ็นต์

-ภาษา ภาษาทางการคือ ภาษาเวียตนาม ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ คือ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน 

-สกุลเงิน และการใช้เงิน(บัตรเครดิต) สกุลเงินของเวียตนามคือ ดอง อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 420-460 ดอง ต่อ 1 บาทและ 1 ดอลล่า เท่ากับ 15,900 ด่อง ควรมีเงินด่องติดตัวไว้บ้างเล็กน้อย เงินสกุลดอลล่าสามารถใช้ได้ทั่วประเทศ ส่วนเงินบาทสามารถใช้ได้ตามร้านค้าทั่วไปได้เลย
การนำบัตรเครดิตไม่เป็นที่นิยมใช้ในเวียดนาม หรือสามารถใช้ได้เฉพาะร้านค้าหรือโรงแรมที่ใหญ่ๆเท่านั้น
 
-ภูมิศาสตร์
เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20% โดยมีพันธุ์ไม้ 13,000 ชนิด และพันธุ์สัตว์กว่า 15,000
ลักษณะภูมิประเทศ
· มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
· มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มีเขา ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ft) ตั้งอยู่ใเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน
ลักษณะภูมิอากาศ
· เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
· เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณร้อยละ 84 ตลอดปี มีปริมาณฝนจาก 120 ถึง 300 เซนติเมตร และมีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5 องศาเซลเซียส


เพลงประจำชาติเวียดนาม



**************************************************


ประเทศลาว
เวียงจันทร์  ประเทศลาว


ชื่อทางการ : สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (The Lao People’s Democratic Republic)
ที่ตั้ง : เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล  มีพรมแดนติดจีนและพม่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  ติดต่อกับเวียดนามทางทิศตะวันออก  ติดต่อกับกัมพูชาทางทิศใต้  และติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก
พื้นที่ : 236,800 ตารางกิโลเมตร (ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย)
    แบ่งเป็น 16 แขวง และ 1 เขตปกครองพิเศษ (นครหลวงเวียงจันทน์)
เมืองหลวง : นครเวียงจันทน์ (Vientiane) (เป็นเขตเมืองหลวงเหมือน กทม. ส่วนแขวงเวียงจันทน์เป็นอีกแขวงหนึ่งที่อยู่ติดกับนครหลวงเวียงจันทน์)

ประชากร : 5.6 ล้านคน (ปี 2548)  ประกอบด้วย ลาวลุ่มร้อยละ 68  ลาวเทิงร้อยละ 22  ลาวสูงร้อยละ 9
           รวมประมาณ 68 ชนเผ่า
ภูมิอากาศ : อุณหภูมิเฉลี่ย 29-33 องศา  ต่ำสุด 10 องศา  ปริมาณฝนตกเฉลี่ย 1,715 มม.ต่อปี  ความชื้น 70-80 %
ภาษา : ภาษาลาวเป็นภาษาราชการ
ศาสนา : ร้อยละ 75 นับถือศาสนาพุทธ  ร้อยละ 16-17 นับถือผี  ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ (ประมาณ 100,000 คน) และอิสลาม (ประมาณ 300 คน)
สกุลเงิน : กีบ (Kip)
         อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท : 276 กีบ (พฤษภาคม 2551)
ระบอบการปกครอง : ระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์(ทางการลาวใช้คำว่า ระบอบประชาธิปไตยประชาชน)  โดยพรรคการเมืองเดียวเป็นองค์กรชี้นำประเทศ คือ
พรรคประชาชนปฏิวัติลาว  มีอำนาจสูงสุดตั้งแต่ลาวเริ่มปกครองในระบอบสังคมนิยม เมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2518
* ประมุข-ประธานประเทศ (ในภาษาลาว หมายถึง ตำแหน่งประธานาธิบดี) คือ พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน  (8 มิถุนายน พ.ศ. 2549)
 * หัวหน้ารัฐบาล-นายกรัฐมนตรี คือ นายบัวสอน บุบผาวัน  (8 มิถุนายน พ.ศ. 2549)

      เพลงประจำชาติลาว

****************************************************

นางสาวศิริภัทรจำปาศรี   จำปาศรี
ชั้น ม.5/7    เลขที่ 12